วิธีใช้งาน Ultimate - Personal Finance Planner (2/4)

หรือ คลิกที่นี่ เพื่อเปิดคลิปผ่าน Youtube

วิธีใช้งานทั้งหมดจะแบ่งเป็น 4 Part นะคะ ในบทความนี้เป็น Part 2/4 จะแนะนำเกี่ยวกับ ‘วิธีการตั้งค่า’ ของเทมเพลตนี้ค่ะ

เลือกดูตามหัวข้อเรื่อง : 

หากต้องการดูวิธีใช้งาน Part อื่นๆ สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 😊

หน้าตั้งค่า 1

เริ่มต้นเพิ่มข้อมูล Template ด้วยการ คลิกที่แท็บตั้งค่า (1)

(เลื่อนเพื่อดูรูปภาพ)

ในหน้านี้จะเป็นการเพิ่มข้อมูลของหนี้สินที่ต้องการปิดยอด โดยเพิ่มได้สูงสุด 15 รายการค่ะ

สิ่งที่ต้องกรอกก็จะมี :

  1. ชื่อหนี้สิน
  2. เงินต้นคงเหลือ เช่น กู้เงินมา 15,000 บาท แต่ไปเช็คมาแล้วเหลือเงินต้น 11,000 บาท เพราะก่อนหน้านี้ได้ชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน ก็จะกรอกเป็นยอด 11,000 บาทค่ะ
  3. อัตราดอกเบี้ยต่อปี ที่ผู้ให้กู้หรือธนาคารกำหนด
  4. วิธีคิดดอกเบี้ย ที่ผู้ให้กู้หรือธนาคารกำหนด จะมีให้เลือก 2 แบบค่ะ คือ แบบคงที่ กับ แบบลดต้นลดดอก
  5. จำนวนงวด ซึ่ง Template นี้จะนับเป็นเดือน สามารถระบุได้สูงสุด 120 งวด (120 เดือน หรือ 10 ปี) ต้องการปิดหนี้ภายในกี่เดือนให้ใส่ตัวเลขนั้นไปได้เลยค่ะ เช่น ต้องการปิดหนี้ภายใน 24 เดือน ให้ใส่เลข 24
  6. วันที่เริ่มต้น ให้คลิกในช่องแล้วเลือก วันที่ เดือน และปี ที่ต้องการชำระงวดแรก

(เลื่อนเพื่อดูรูปภาพ)

สำหรับการพิมพ์วันที่ในกรณีที่ใช้ iPad หรือ Tablet 

  • ให้พิมพ์ตัวเลข วันที่ / เดือน / ปี ค.ศ
  • เมื่อกรอกเสร็จจะได้เป็น format วันที่ตามในรูปตัวอย่างที่ 2 สามารถเช็คความถูกต้องของวัน เดือน ปี ที่ต้องการเพิ่มข้อมูลได้ค่ะ

(เลื่อนเพื่อดูรูปภาพ)

ในช่องสุดท้าย ‘ยอดชำระต่อเดือน’

เป็นยอดขั้นต่ำที่ควรจ่ายในแต่ละเดือน ไม่ต้องกรอกข้อมูลใดๆ เพราะคำนวณอัตโนมัติจากข้อมูลที่เพิ่มไว้ในช่องก่อนหน้า

  • แต่ต้องตรวจสอบว่า ยอดเงินในคอลัมน์นี้ น้อยกว่า เกณฑ์ชำระขั้นต่ำที่ผู้ให้กู้หรือธนาคารกำหนดไว้หรือไม่ ?
  • เพราะถ้าจ่ายน้อยกว่าเกณฑ์ อาจทำให้เกิดการทวงถามและมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ จากผู้ให้กู้หรือธนาคาร

จากตัวอย่างในรูปภาพ :

  1. ในช่องยอดชำระต่อเดือน คำนวณได้ 1,233.89 บาท แต่ธนาคารกำหนดให้เกณฑ์ชำระขั้นต่ำของหนี้สินก้อนนี้ คือ 1,400 บาท
  2. วิธีปรับ คือ แนะนำให้ลดจำนวนงวดลง เช่น จากที่ต้องการปิดหนี้ภายใน 15 เดือน ก็อาจจะปิดเร็วขึ้นเป็น 12 เดือน
  3. หลังจากลดจำนวนเดือนที่ต้องการปิดหนี้แล้ว ยอดที่ควรชำระต่อเดือนเพิ่มจาก 1,233.89 บาท เป็น 1,484.53 บาท ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ชำระขั้นต่ำ ( 1,400 บาท ) ที่ธนาคารกำหนด

สำหรับการหาข้อมูลว่า : เงินต้นคงเหลือคือยอดเท่าไหร่? มีอัตราดอกเบี้ยกี่ % ต่อปี? รวมทั้งวิธีคิดดอกเบี้ย และเกณฑ์ชำระขั้นต่ำที่ผู้ให้กู้หรือธนาคารกำหนด สามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ จากสัญญาเงินกู้ หรือ ใบเสร็จชำระหนี้เดือนล่าสุด ค่ะ

หน้าตั้งค่า 2

คลิกที่แท็บตั้งค่า (2)

ส่วนที่ 1 : กำหนดหมวดหมู่รายรับและค่าใช้จ่าย

(เลื่อนเพื่อดูรูปภาพ)

ตารางที่ 1 – รายรับ :

  • สำหรับเพิ่มรายการรายรับ เช่น เงินเดือนประจำ รับจ้างทำกราฟิก รับจ้างเขียนบทความ

ตารางที่ 2 – เงินสะสม : 

  • สำหรับเพิ่มรายการเงินสะสมที่เก็บไว้ในรูปแบบต่างๆ ก่อนนำไปใช้จ่ายและที่เหลือจากการใช้จ่ายค่ะ เช่น บัญชีสำหรับเงินฉุกเฉิน พันธบัตรรัฐบาล

ตารางที่ 3 – ค่าใช้จ่ายและหนี้สินอื่นๆ

  1. เพิ่มรายการค่าใช้จ่ายหรือหนี้สิน เช่น ค่าอาหาร ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน คืนเงิน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด
    • หมายเหตุ : ถ้าเป็นหนี้สินที่กำหนดไว้ในหน้าตั้งค่า (1) แล้ว ไม่ต้องกรอกซ้ำในหน้านี้นะคะ เนื่องจากมีการผูกสูตรคำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว*
  2. เลือกประเภทของค่าใช้จ่ายและหนี้สินที่เพิ่มข้อมูลรายการไว้ ซึ่งมีให้เลือก 4 ข้อ คือ :
    • หนี้สินหมุนเวียนได้ ในที่นี้หมายถึง หนี้สินที่ยังสามารถใช้วงเงินได้หลังจากชำระคืน
    • หนี้สินไม่หมุนเวียน เป็นหนี้สินที่ต้องผ่อนจ่ายชำระเป็นงวดๆ ไม่สามารถนำวงเงินมาใช้จ่ายต่อได้ ซึ่งตรงข้ามกับหนี้สินหมุนเวียนค่ะ
    • ค่าใช้จ่ายจำเป็น คือ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน ไม่จ่ายไม่ได้
    • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ คือ ค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นตามความต้อง เลือกได้ว่าจะจ่ายมาก จ่ายน้อย หรือจะไม่ให้มีค่าใช้จ่ายนี้เลย

ซึ่งการเลือกประเภทค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละคนค่ะ เช่น จ่ายค่าแอปรายเดือนเพราะต้องใช้ในการทำงานก็อาจเลือกเป็นประเภทค่าใช้จ่ายจำเป็น แต่ถ้าใช้เพื่อผ่อนคลายเป็นครั้งคราว ก็อาจเลือกเป็นประเภทค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ส่วนที่ 2 : กำหนดช่องทางการรับเงิน-จ่ายเงิน และวันที่เริ่มใช้ไฟล์ Template นี้

(เลื่อนเพื่อดูรูปภาพ)

ตารางที่ 1 : เพิ่มบัญชีธนาคาร/เงินสด สำหรับรับเงิน-จ่ายเงิน

  1. เพิ่มรายการบัญชีธนาคารหรือเงินสด ที่ใช้รับเงิน-จ่ายเงินตามปกติในแต่ละวัน ซึ่งต้องไม่ซ้ำกับในตารางเงินสะสม นะคะ หากต้องการให้บัญชีนั้นเป็นเงินสะสม ไม่ต้องเพิ่มข้อมูลในตารางนี้ค่ะ
  2. เลือกประเภทบัญชีว่าเป็น ‘บัญชีธนาคาร’ หรือ ‘เงินสด’
  3. เลือกวันที่ ที่เพิ่มข้อมูลบัญชีธนาคารหรือเงินสดในตารางนี้
  4. ระบุยอดเงินที่มีตอนนี้ของแต่ละบัญชีตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีเงินในบัญชีให้ใส่เลข 0 ได้เลยนะคะ

ตารางที่ 2 : บันทึกข้อมูลบัญชีเงินสะสม

  1. ในช่องประเภทบัญชีและช่องรายการ ไม่ต้องกรอกข้อมูลใดๆ เพราะลิงก์ชื่อมาจากตารางเงินสะสมเรียบร้อยแล้วค่ะ
  2. เลือกวันที่ ที่เพิ่มข้อมูลบัญชีเงินสะสมใน Template นี้
  3. ระบุยอดเงินที่มีตอนนี้ของแต่ละบัญชีตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีเงินในบัญชีให้ใส่เลข 0 ได้เลยค่ะ

ตารางที่ 3 : บันทึกข้อมูลบัญชีสินเชื่อสำหรับจ่ายเงิน

  1. ในช่องประเภทบัญชี ไม่ต้องกรอกข้อมูลใดๆ เพราะได้ระบุประเภทด้วยคำว่า ‘สินเชื่อ’ ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ
  2. เลือกบัญชีสินเชื่อที่ต้องการใช้สำหรับจ่ายเงิน ซึ่งตัวเลือกมาจากรายการหนี้สินหมุนเวียนได้ในตารางค่าใช้จ่ายและหนี้สินอื่นๆ
  3. เลือกวันที่ ที่เพิ่มข้อมูลบัญชีสินเชื่อในตารางนี้
  4. ระบุยอดเงินที่เหลืออยู่ตอนนี้ตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีเงินในบัญชีให้ใส่เลข 0 นะคะ

ตารางที่ 4 : สำหรับเลือกวันที่เริ่มใช้งานไฟล์ Template นี้ 

  • สามารถคลิกในช่องวันที่ เพื่อเลือกวัน เดือน ปี ที่เริ่มใช้เทมเพลตไฟล์นี้ได้เลยค่ะ

หากต้องการดูวิธีใช้งาน Part อื่นๆ สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ 😊